Courtyard by Marriott Bangkok Suvarnabhumi Airport สถานที่แต่งงานดีไซน์สวยทันสมัย มีวิวสวนเสริมความอบอุ่นอย่างเป็นธรรมชาติ
มิ้มกับเอ็ม (เจ้าบ่าว) เคยเห็นโรงแรม Courtyard by Marriott Bangkok Suvarnabhumi Airport (โรงแรมคอร์ทยาร์ด โดย แมริออท แบงค็อก สุวรรณภูมิ แอร์พอร์ท) ตอนที่เพิ่งสร้างเสร็จเมื่อปีที่แล้ว พอมองหาสถานที่แต่งงานเลยสนใจเข้าไปดู แล้วก็ประทับใจหลาย ๆ อย่าง ทั้งคอร์ทยาร์ดที่ได้ฟีลธรรมชาติสบายตา เหมือนอยู่เขาใหญ่ ดีไซน์ของโรงแรมดูสวยทันสมัย แต่ก็ได้ความอบอุ่น โดยเฉพาะชั้นจัดงานที่เป็นโถงทางเดินยาว มีกระจกตลอดแนว สามารถมองเห็นวิวได้ เราชอบมาก จึงเลือกแต่งงานที่นี่ค่ะ
เมื่อเจ้าสาวเป็นฟลอริสต์ เลยเนรมิตดอกไม้ในงานให้สวยแบบมีความหมาย
ส่วนตัวมิ้มเป็นฟลอริสต์ (นักจัดดอกไม้) มีประสบการณ์ทำให้ลูกค้ามาพอสมควร และเพิ่งก่อตั้งบริษัทตัวเองขึ้นมาในชื่อ Savoir Floral Design งานแต่งเราก็เป็นงานแรกเลยค่ะ โดยการตกแต่งงานเราเลือกธีมสีก่อน แต่เอ็มและมิ้มชอบต่างกัน อย่างมิ้มชอบสีเขียวป่า ๆ ส่วนเจ้าบ่าวชอบสีสด ๆ อย่างสีส้มและสีแดง เราเลยขอดรอปสีแดงเป็นสีชมพูช็อกกิ้งพิ้งค์และเพิ่มสีส้มเข้ามาค่ะ สีสันดอกไม้ในงานเลยค่อนข้างจัดจ้าน ซึ่งสีนี้ยังถูกกำหนดไปในเดรสโค้ดของแขกด้วยค่ะ
สำหรับงานหมั้น การตกแต่งบนเวทีเราก็อินดีเทลเหมือนกัน โดยเลือกเฉพาะดอกไม้ที่หน้าดอกใหญ่และสวย เช่น ดอกกล้วยไม้ฟาแลนนอบซิส ดอกอมารันทัส ดอกทิวลิป รวมถึงเรามีโจทย์ว่าอยากให้งานดูโมเดิร์น จึงเลี่ยงการจัดวางดอกไม้ฟุ้ง ๆ เหมือนเจ้าหญิงค่ะ แต่เลือกแต่งใบไม้และใบสนประดิพัทธ์ทำกอพุ่มสีเขียว เพื่อส่งให้สีของดอกไม้โดดเด่นขึ้นค่ะ
ส่วนการตกแต่งงานฉลอง ที่เป็นไฮไลต์เลย คือ แบ็คดรอปถ่ายภาพ ซึ่งเราใส่สตอรี่จากชื่อเล่นตัวเองที่คล้องกับ “ผึ้งมิ้ม” ซึ่งเป็นผึ้งที่มีขนาดเล็ก เราเลยดีไซน์โครงสร้างฉากเหมือนกระปุกน้ำผึ้ง โดยเจาะช่องเข้าไปให้เหมือนกล่อง และจัดวางดอกไม้ให้ดูเหมือนน้ำผึ้งกำลังไหลออกจากกระปุก โดยดอกไม้สีเหลืองที่แซมอยู่นั้น คือ ดอกดาวเรือง ซึ่งบางคนอาจมองว่าเป็นดอกไม้ไหว้พระ แต่ถ้าใส่ความครีเอทีฟเข้าไป ก็ออกมาสวยงามได้ค่ะ
โชคดีว่าทีมฟลอริสต์ของมิ้มไม่ได้ถนัดเรื่องจัดดอกไม้อย่างเดียว แต่ยังเก่งเรื่องงานโครงสร้างด้วย ทำให้เราไม่ต้องใช้ทีมเสริมเลยค่ะ
ส่วนแกลเลอรีทำเป็นบอร์ดสีขาวเรียบ โดยแบ่งพาร์ทที่ฝั่งหนึ่งติดรูปบ่าวสาว สับหว่างด้วยดอกไม้ เพื่อให้ดูมีลูกเล่นค่ะ ส่วนอีกฝั่งที่เว้นพื้นที่ว่างไว้นั้น เราใช้โปรเจคเตอร์ฉายภาพบ่าวสาวแทนค่ะ
ในห้องบอลรูม เราทำโครงสร้างให้สูงชนเพดานราว 6 เมตร และออกแบบทรงฉากเฉียง ตั้งให้ซ้อนกันเพื่อสร้างลูกเล่นค่ะ ส่วนตัวตั้งใจใช้ฉากสูงเพราะไม่ว่าช่างภาพจะถ่ายจากมุมไหนก็ออกมาสวยงามค่ะ
อีกคีย์เวิร์ดสำคัญอยู่ที่การจัดพุ่มใบสนประดิพัทธ์ให้เหมือนต้นไม้ และใช้ดอกคาร์เนชั่นสีชมพูเข้มจำลองให้เหมือนรังผึ้งห้อยลงมาเป็น 2 พวงใหญ่ค่ะ
งานของ "นักจัดดอกไม้" ดอกไม้ต้องเก๋เป็นพิเศษ
อะไรที่เป็นดอกไม้ มิ้มค่อนข้างให้ความสำคัญค่ะ เช่น ช่อดอกไม้เจ้าสาว อย่างงานหมั้น มิ้มใส่ชุดไทย ก็อยากใช้ช่อดอกไม้ที่มีความเป็นไทย แต่ก็ไม่อยากได้พวงมาลัย เพราะกลัวเหมือนเจ้าบ่าวจะมาไหว้แม่ค่ะ (หัวเราะ) ก็เลยนำช่อบูเก้มาร้อยมะลิห้อยลงมาคล้ายอุบะ ซึ่งช่อในงานฉลองก็คล้าย ๆ กัน ตรงส่วนที่ห้อยลงมาทำจากไม้ไผ่สานเป็นวง พ่นสีคล้องกัน ทำให้ดูโมเดิร์นขึ้นค่ะ
เลือกจัดพิธีเน้นความอบอุ่นและความสุข
สำหรับงานหมั้นช่วงบ่าย เรามีแขกเพียง 70 ท่านค่ะ โดยจัดพิธีแบบไทย จะสนุกหน่อยตอนที่เอ็มแห่ขันหมากและต้องผ่านด่านประตูเงิน-ประตูทองค่ะ จบแล้วเอ็มจะมารับตัวมิ้มเพื่อไปทำพิธีมอบสินสอด สวมแหวน รดน้ำสังข์ จบงานแล้วก็มีส่งตัวบ่าวสาวที่ห้องพักค่ะ
ส่วนงานฉลองช่วงเย็น แขกจะได้รับของชำร่วยเป็นถุงผ้าไหมพรมค่ะ เราเลือกวัสดุนี้เพราะทนทาน ใช้งานได้นาน แถมแขกทุกคนสามารถใช้ได้ค่ะ
งานเราไม่มีโฟโต้บูธ เราเลยออกแบบหนังสือพิมพ์ที่มีเรื่องราวของเรา และ Thank You Card แจกแขก เผื่อเขาจะถ่ายรูปคู่เป็นพร็อพแบบมีกิมมิก ให้รู้ว่ามางานของเราค่ะ
เมื่อแขกมากันเกือบครบแล้ว เราจะเปิดวีดีโอพรีเซนเทชั่นที่ถ่ายจากในโรงแรมค่ะ เป็นทีเซอร์ภาพไฟล์สไตล์ แต่ซีนสุดท้ายจะเป็นจังหวะที่เอ็มกำลังเดินเข้าสู่ห้องบอลรูม แล้วก็จบคลิป ตัดมาที่เจ้าบ่าวตัวจริงยืนรออยู่ในห้อง ส่วนมิ้มก็ค่อย ๆ เดินเข้าไปในงานค่ะ
พอเราขึ้นบนเวทีคู่กัน ก็จะเชิญประธานทั้งสองฝ่ายมากล่าวคำอวยพรและมีพาร์ทบ่าวสาวพูดถึงกันและกันนิดหน่อยค่ะ ตามด้วยเพื่อนบ่าวสาวพูด Speech แต่มีเรื่องขำตรงที่ว่า เพื่อนฝั่งเจ้าบ่าวเมาตั้งแต่จบงานหมั้นแล้วค่ะ คิวนี้ก็เลยเหลือแค่เพื่อนเจ้าสาว 2 คนและน้องสาวมิ้มค่ะ
จบคิวนี้ก็รินแชมเปญทาวเวอร์ แล้วก็โยนดอกไม้ เรามีงานอาฟเตอร์ปาร์ตี้ด้วยนะคะ แต่ไม่ได้เปิดตัวอลังการอะไร มีแค่ยิงเปเปอร์ชูตแค่นั้นเลยค่ะ
เราเลือกจัดเลี้ยงเมนูบุฟเฟ่ต์และจัดโต๊ะให้แขกได้นั่งทั้งหมด เพราะอยากให้แขกได้เอ็นจอยกับอาหารจริง ๆ ค่ะ โดยเน้นเมนูไทย เพราะน่าจะถูกปากแขกมากกว่า เช่น กุ้งทอดราดซอสมะขาม ต้มยำปลากระพง ถุงทอง ขนมไทย ปลาหมึกผัดไข่เค็ม ฯลฯ แขกส่วนใหญ่บอกว่าอาหารอร่อย วัตถุดิบก็สดใหม่ แถมไซส์ของกุ้งหรือปลาที่คัดมาก็ค่อนข้างใหญ่ แม้งานจบลงไปเป็นเดือนก็ยังมีคนพูดถึงเลยค่ะ
เสียงตอบรับดี ทำให้บ่าวสาวหายเหนื่อย
เราเตรียมงานเกือบปี พอเห็นหน้างานออกมาดี ได้เห็นโมเมนต์และเพื่อน ๆ ที่สนุกกันมาก คุณพ่อคุณแม่ได้เจอญาติหรือเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันมานาน แถมแขกบอกว่าชอบดอกไม้ที่ตั้งใจดีไซน์ ของชำร่วยที่เลือกมา ตลอดจนบรรยากาศ บอกเลยค่ะว่าหายเหนื่อยจริง ๆ แต่อาจมีเรื่องน่าเสียดายอยู่บ้าง เพราะเราไม่มีเวลาได้คุยกับแขกมาก เจอหน้าทุกคนแค่สั้น ๆ เองค่ะ
เบื้องหลังของงานนี้ เราต้องขอบคุณเซลล์ของโรงแรม คุณนานะ และทีม ที่ช่วยดูแลตั้งแต่วันที่เราเข้าไปชมสถานที่แต่งงาน เราคุยกันถูกคอ ได้ข้อมูลครบถ้วน เซอร์วิสมายด์ของพนักงานที่นี่ก็ดี ที่สำคัญทีมงานยังจัดงานแต่งอย่างมืออาชีพมากค่ะ
คำแนะนำสำหรับบ่าวสาว
สำรวจตัวเองว่ากังวลอะไรเรื่องงานแต่ง : หากบ่าวสาวกังวลเรื่องไหนเป็นพิเศษ ให้ยึดเรื่องนั้นเป็นหลัก เช่น เรื่องงบประมาณ ก็พยายามจัดการงบต่าง ๆ เช่น โรงแรม ชุดแต่งงาน หน้าผมให้อยู่ในขอบเขตให้ได้
คุยกับเจ้าบ่าวให้ชัดเจน : มีหลายคู่ทะเลาะกันในช่วงเวลาเตรียมงาน ฉะนั้นอยากให้บ่าวสาวใจเย็น ๆ พยายามหาทางตรงกลาง โดยเฉพาะถ้ามีเรื่องครอบครัวมาเกี่ยวข้อง ก็ต้องคุยรายละเอียดให้ดี เพราะค่อนข้างละเอียดอ่อน
ดูผลงานให้เยอะ แล้วค่อยเลือกที่ชอบที่สุด : เซฟผลงานของแต่ละเจ้าไว้เพื่อเป็นตัวเลือกก่อน อย่าเพิ่งตัดสินใจเลือก เพราะช่วงแรกเจ้าสาวจะฟุ้ง เมื่อเวลาผ่านไป ค่อยย้อนกลับมาดูทีมงานที่เก็บไว้ เพราะเราจะรู้ว่าชอบทีมไหนมากที่สุด
หน้าสวย ผิวกระจ่างใส ด้วยการเข้าคลินิกเสริมความงาม : วันแต่งงานเป็นวันที่เจ้าสาวจะต้องสวยที่สุด การเข้าคลินิกจึงเป็นส่วนสำคัญในการดูแลผิวให้สวย เนียนใส เพื่อที่พอถึงวันงาน จะได้ถ่ายรูปออกมาสวยและมั่นใจยิ่งขึ้น
Photographer : Pencillense Photographer / Florist : Savoir.th