Grande Centre Point Surawong Bangkok สถานที่จัดงานแต่งสวยคลีน ทันสมัย น่าประทับใจทุกฟังก์ชั่น
ตอนนุ๊กกับพี่แสตมป์ (เจ้าบ่าว) ไปสำรวจ Grande Centre Point Surawong Bangkok (โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สุรวงศ์ กรุงเทพฯ) ก็มีครอบครัวเจ้าบ่าวไปช่วยดูด้วยค่ะ เพราะแขกกว่า 80% เป็นแขกผู้ใหญ่ สุดท้ายทุกคนชอบตรงกัน ทั้งความสวยทันสมัย เพราะเพิ่งเปิดไม่นาน สะอาดสะอ้าน มีกลิ่นหอม รู้สึกผ่อนคลายมากค่ะ แถมที่นี่ยังอยู่ใกล้บ้านของเราด้วย เราจึงตัดสินใจแต่งงานที่นี่ค่ะ
เราชอบที่ห้องจัดงานหมั้นกับห้องบอลรูมอยู่ชั้นเดียวกัน ทำให้สามารถใช้พื้นที่ได้ทั้งหมด เป็นส่วนตัว ไม่ปะปนกับงานอื่นค่ะ นอกจากนี้ยังได้ลองไปนอนพักกันก่อนด้วย สรุปแล้วชอบมากค่ะ ห้องพักดี สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน รวมถึงบุฟเฟ่ต์นานาชาติของโรงแรมก็อร่อยด้วยค่ะ ตลอดจนแพ็กเกจงานแต่งที่ราคาสมเหตุสมผล เราไม่ต้องเสียเวลานั่งหา Vendor เองเลย เพราะรวมอยู่ในแพ็กเกจแล้ว เช่น ออแกไนซ์ พิธีกร และทีมตกแต่งค่ะ
พิธีหมั้นสไตล์จีนแท้ เคร่งครัดแต่กระชับได้
ในส่วนงานหมั้น เราตกแต่ง Flower Stand ที่ใช้ดอกไม้ในโทนสีขาวและเขียวค่ะ และเนื่องจากในห้องหมั้น Tiva มีจอ LED ด้วย เราเลยใช้โมชั่นกราฟิกดีไซน์ลายจีน เพื่อให้เข้ากับงานหมั้นแบบจีน ซึ่งทางโรงแรมออกแบบให้ เลือกพื้นหลังสีแดงสด และใช้โลโก้บ่าวสาวแบบเดียวกับการ์ดงานแต่งค่ะ
เนื่องจากครอบครัวเราทั้งคู่มีเชื้อสายจีน พิธีการช่วงงานหมั้นจึงเคร่งพอสมควรค่ะ เราจะไม่ได้เจอหน้ากันเลยจนกว่าจะถึงพิธีการ คืนก่อนวันแต่งงาน เราก็ต้องแยกห้องนอนค่ะ แม้เราจะตั้งใจทำให้ครบครัน แต่ขณะเดียวกันก็อยากให้แต่ละพิธีกระชับด้วย อย่างพิธีแห่ขันหมาก เราก็ไม่ให้ตั้งขบวนอยู่ไกลไปค่ะ จะได้ไม่กินเวลาเดินนาน ส่วนด่านประตูเงินประตูทอง เรากำหนดไว้ไม่ให้เกิน 6 ประตูค่ะ
หลังพี่แสตมป์ผ่านด่าน เขาจะไปเจรจาสู่ขอกับญาติผู้ใหญ่ เรียบร้อยแล้วจะมาพร้อมกับแม่นุ๊ก เพื่อมารับตัวกลับไปทำพิธีต่อ แต่เนื่องจากเรามีเวลาเหลือก่อนถึงฤกษ์สวมแหวน พิธีกรเลยสลับพิธีให้เราทานขนมอี๋ก่อนค่ะ ซึ่งเราชอบที่เขาแก้สถานการณ์ได้ดี
พอถึงฤกษ์ เราก็สวมแหวน มอบสินสอด ต่อด้วยยกน้ำชาที่มีแค่พ่อแม่ของเราเท่านั้นค่ะ เพราะอยากให้แขกผู้ใหญ่ในงานได้ทานข้าวไว ๆ โดยเสิร์ฟข้าวต้ม และข้าวเหนียวหน้าปลา หน้ากุ้งค่ะ อีกอย่างที่เราชอบในงานหมั้น คือ ได้ถ่ายภาพร่วมกันกับแขกที่มางานกว่า 80 ท่าน ครบถ้วนทุกท่านค่ะ
หลังจากนั้น เราจะมีพิธีส่งตัวเจ้าสาว ที่ห้องพักที่ทางโรงแรมจัดเตรียมไว้ให้ด้วย ซึ่งหลังส่งตัวเสร็จ เราถึงจะมาพักที่ห้องนี้ด้วยกันค่ะ
จัดงานฉลองสวยไม่ล้าสมัย มาพร้อมเซอร์ไพรส์ที่สร้างกิมมิกให้งาน
เราอยากให้งานออกมาดูสวยคลาสสิก แม้เวลาจะผ่านไป 10 -20 ปี พอย้อนกลับมาดูภาพก็ยังรู้สึกถึงความเรียบโก้ ไม่ล้าสมัย เลยเลือกใช้ธีมสี Green & White ค่ะ
ในส่วนการตกแต่งตรงโถงรับรอง ไม่ว่าแขกจะขึ้นลิฟต์มาจากฝั่งไหน ก็จะพบรูปภาพบ่าวสาวที่เราตั้งกระจายไว้ค่ะ
แต่จุดแกลเลอรี่บ่าวสาวที่เป็นไฮไลต์เลย จะอยู่ก่อนไปเจอแบ็คดรอป ที่เราตั้งเรียงเอาไว้ 6 ภาพค่ะ แม้ตอนแรกจะมีการสื่อสารผิดพลาดนิดหน่อย ทำให้ภาพมีขนาดใหญ่เกินไป แต่เราชอบที่เขารับผิดชอบเต็มที่และแก้ไขสถานการณ์ จัดหาขาตั้งใหม่ที่รองรับรูปขนาดใหญ่ได้ แม้ผิดไซส์ แต่ก็ดูสวยเก๋ไปอีกแบบ แตกต่างจากแพทเทิร์นเดิม ๆ ด้วยค่ะ
ใกล้กันนั้นจะมีโฟโต้บูธด้วยค่ะ ส่วนแบ็คดรอปถ่ายภาพ เราอิงจากแบบโครงสร้างที่ทีมตกแต่งมี และเลือกฉากสีขาวที่มีขอบนูนทั้งสองฝั่ง ให้ดูไม่เรียบแบนเกินไป ส่วนการจัดดอกไม้ เราบรีฟว่าขอตกแต่งจากฝั่งขวาด้านบนและด้านล่าง โดยไม่บังตัวอักษรชื่อบ่าวสาวตรงกลางค่ะ
สำหรับในห้อง Meka Ballroom เราตกแต่งพุ่มดอกไม้สีขาวและสีเขียวใต้จอ LED และฐานเค้ก เสริมด้วยโครงทรงโค้ง ร้อยลูกปัดคริสตัลให้ดูวิบวับ เราไม่แต่งเยอะมาก เพราะมีจอ LED อยู่แล้วค่ะ ซึ่งทางโรงแรมก็น่ารักมาก เพราะนอกจากจะทำโมชั่นกราฟิกในงานหมั้นให้แล้ว ยังออกแบบฉากของงานฉลองให้เราด้วยค่ะ เลยลดงบการตกแต่งส่วนนี้ไปได้ โดยโมชั่นกราฟิกส่วนใหญ่เน้นพื้นหลังเป็นสีกรมท่า ให้เข้ากับงานกลางคืน และเน้นธีมธรรมชาติ เช่น วิวต้นไม้ ดาวตกค่ะ
ส่วนของชําร่วย เราอยากให้แขกได้เก็บหรือใช้จริง ๆ เลยเลือกเป็นธนบัตรรุ่นสะสมค่ะ เรามองว่ามีมูลค่าในอนาคตด้วยค่ะ
ในพิธีการช่วงงานฉลอง เราจะเปิดวิดีโอพรีเซนเทชั่นก่อน ถึงเดินเปิดตัวคู่กันขึ้นเวที ตามด้วยเชิญประธานกล่าวคำอวยพรบ่าวสาว จากนั้นเราพูดความประทับใจของกันและกัน ต่อด้วยการตัดเค้ก และเชิญเพื่อนบ่าวสาว 2 ท่าน ขึ้นพูดความรู้สึกบนเวทีค่ะ
ปิดท้ายงานด้วยการดึงริบบิ้นช่อดอกไม้ เราเซอร์ไพรส์ตรงที่คนที่ได้ช่อดอกไม้ จะแต่งงานปีหน้าพอดี แถมเขาเป็นแฟนของญาติพี่แสตมป์ และชื่อนุ๊กเหมือนกันด้วยค่ะ เราไม่ได้ล็อคเป้าเลย แต่กลายเป็นกิมมิกไปโดยอัตโนมัติ ทุกคนฮือฮากับเรื่องบังเอิญนี้มากค่ะ
ในส่วนของอาหารจัดเลี้ยง เราเลือกเมนูโต๊ะจีนค่ะ ซึ่งความเชี่ยวชาญของโรงแรมคือเขากำหนดเวลาเสิร์ฟอาหารให้พอดีกับพิธีด้วยค่ะ ตัวอย่างเมนูที่เราเลือกมา เช่น หูฉลาม เป็ดปักกิ่ง โกยซีหมี่ ไก่แช่เหล้า กระเพาะปลาผัดแห้ง กุ้งทอดครีมสลัด และปลาเก๋านึ่งซีอิ๊วค่ะ ซึ่งแขกชอบอาหารกันมาก จากที่เราถามเพื่อน ๆ ส่วนใหญ่ชมว่า เมนูปลาเก๋านึ่งซีอิ๊วกับกุ้งทอดครีมสลัดอร่อยค่ะ
บ่าวสาวไม่คาดหวัง แต่งานเพอร์เฟ็กต์เกินฝัน
นุ๊กเคยเป็นช่างแต่งหน้าเจ้าสาวมาก่อน ก็พอรู้และเห็นอะไรมาบ้างในวันแต่งงาน เราก็พยายามปิดช่องโหว่ให้ได้มากที่สุด และพูดกับพี่แสตมป์เสมอว่า ถ้าเกิดอะไรขึ้นในงานให้ปล่อยวางและเอ็นจอย แต่สรุปว่า ทุกอย่างในงานดีหมดเลยค่ะ เราประทับใจมาก ไม่ว่าจะเป็นออแกไนซ์ พิธีกรที่แก้ปัญหาได้ดี มีทีมงานมาประกบดูแลเราตลอด ช่างภาพก็ถ่ายรูปสวย ส่งงานไว ทุกทีมงานรู้หน้าที่ตัวเอง และซัพพอร์ตคู่เราดีมากค่ะ
ในวันงาน เราไม่ต้องคอยนั่งรับโทรศัพท์จากแขกเลยค่ะ อาจเป็นเพราะเราแจ้งรายละเอียดชัดเจนตั้งแต่แรก แถมมีป้าย Digital signage บอกทางมาโดยตลอด ตรงจุดลงทะเบียนก็มีผังโต๊ะจีนที่ทางโรงแรมทำให้ และมีพนักงานของโรงแรมพาแขกไปส่งถึงที่นั่งเลยค่ะ
นอกจากนี้ เราประทับใจคุณน้ำที่เทคแคร์ดี และใส่ใจเรื่องการบริการตั้งแต่ก่อนวันงาน เวลาที่เราถามอะไรไป เขาจะตอบไวมากค่ะ หรือถ้าเรามีปัญหาฉุกละหุก เช่น ขอยืมเตารีดในวันงานตอนตีสาม-ตีสี่ คุณน้ำก็รีบฟีดแบ็กและเตรียมเตารีดให้ ช่วยคลายความกังวลใจให้เราได้ดีเลยค่ะ จากตอนแรกที่เราไม่คาดหวังว่างานจะเพอร์เฟ็กต์ แต่ในวันแต่งงาน เรารู้สึกว่าทุกอย่างสมบูรณ์ในแบบที่เราต้องการจริง ๆ ค่ะ
คำแนะนำบ่าวสาว
อย่าเอ้อระเหย เพราะคิดว่ามีเวลาเยอะ : เวลาเดินเร็วมาก อย่าชะล่าใจ เพราะคิดว่าเวลาเหลือเฟือ อะไรที่เตรียมได้เตรียมเลย โดยเฉพาะสิ่งสำคัญ อย่างแรกก็เริ่มหาสถานที่ให้ได้ก่อน เพราะถ้าเป็นฤกษ์มงคล โรงแรมจะเต็มไว ส่วนที่เหลือก็ล้วนเป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลา เช่น การเลือกชุด ถ่ายภาพพรีเวดดิ้ง ฯลฯ
การ์ดงานแต่งควรรีบทำ : เมื่อได้ข้อมูลครบถ้วน ควรรีบสรุปแบบให้เสร็จล่วงหน้าก่อนวันแต่งงาน 2-3 เดือน เพราะถ้าได้การ์ดก่อนงานเพียง 1 เดือน อาจแจกแขกไม่ทัน โดยเฉพาะถ้าเรามีแขกผู้ใหญ่ที่ต้องเดินทางไปแจกเองด้วย
นอนเยอะ ๆ และมาสก์หน้าทุกวัน : ถ้าเป็นไปได้ให้มาสก์หน้าก่อนนอนทุกวัน และเลือกมาสก์หน้าสูตรไฮยาลูรอน จะช่วยเรื่องความชุ่มชื้น เติมน้ำให้ผิว และช่วยทำให้เครื่องสำอางติดทน นอกจากนี้ อยากให้หาเวลาพักผ่อน นอนให้เยอะ จะช่วยให้เจ้าสาวสดชื่น และหน้าไม่โทรมได้
ฉีดโบท็อกซ์ ฉีดแฟต ล่วงหน้า 2-3 เดือน : หากอยากทำหัตถการพวกโบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ หรืออะไรที่เกี่ยวกับใบหน้า แนะนำว่าอย่าฉีดใกล้วันแต่งงานไป เพราะหน้าจะแข็ง ส่งผลให้ดูไม่เป็นธรรมชาติ ควรฉีดล่วงหน้าอย่างน้อย 2-3 เดือน จะเข้าที่พอดี ช่วยเพิ่มความสวยได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น
บ่าวสาวควรลงมาเช็กความเรียบร้อย : ก่อนงานแต่งจะเริ่มขึ้น อยากให้ลงมาเช็กก่อนว่า งานไปถึงไหน แบ็คดรอปตั้งอย่างไร การตกแต่งเสร็จไหม ทางโรงแรมจัดโต๊ะให้เรียบร้อยหรือเปล่า หากมีปัญหาหรือผิดพลาดตรงไหน เราจะได้แก้ไขทัน
เช็กความน่าเชื่อถือของทีมงานด้วย : แม้จะชอบ Vendor นั้นแค่ไหน ก็อยากให้ตรวจเช็กอย่างถี่ถ้วนก่อน เช่น ดูผลงาน ความน่าเชื่อถือ ดูรีวิวต่าง ๆ ว่าคนอื่นพูดถึงอย่างไร เพราะถ้าเรามัดจำไปแล้วโดนเท จะทำให้เราเสียใจภายหลังได้
คอนเฟิร์มเวลากับทีมงาน : หนึ่งอาทิตย์ก่อนวันงาน บ่าวสาวควรบอกเวลาที่ชัดเจนแก่ทีมงานต่าง ๆ เพื่อความเข้าใจตรงกัน เช่น โฟโต้บูธมากี่โมง ตอนเช้านัดช่างแต่งหน้า-ทำผมกี่โมง หรือถ้าคู่ไหนมีดีเทลเฉพาะ อย่างบ่าวสาวนอนแยกห้อง ก็บอกช่างภาพให้ละเอียด ให้เขารู้สโคปงานที่ชัดเจน จะได้ไม่เลท เพราะวันงาน เวลาทุกนาทีสำคัญมาก
Photographer : AIR PHOTO