Bangkok Marriott Hotel The Surawongse สถานที่แต่งงานทันสมัย มีความไพรเวท
เราเลือก Bangkok Marriott Hotel The Surawongse(โรงแรม แบงค็อกแมริออท เดอะ สุรวงศ์) เป็นสถานที่จัดงานแต่งงานด้วยหลายเหตุผล เริ่มตั้งแต่มีมาตรฐานโรงแรม 5 ดาว การดีไซน์เป็นแนว Modern แบบที่ชอบ บริเวณที่จัดงานแบ่งเป็นสัดส่วน มีความไพรเวท รวมถึงอาหารรสชาติดีขึ้นชื่อ คิดว่าตอบโจทย์เราได้ครบครันค่ะ
ที่จอดรถกับห้องน้ำ เรื่องเล็กแต่สำคัญ
อีกดีเทลเล็กๆ ของโรงแรมที่หลายคนมองข้าม แต่เราชอบมาก คือการใส่ใจรายละเอียดในเรื่องที่จอดรถกับห้องน้ำค่ะ อย่างที่จอดรถเราชอบตรงที่สะดวกสบาย สามารถตีวงกว้างได้พอสมควร และพอจอดรถเสร็จก็เดินขึ้นลิฟต์ตรงถึงชั้นจัดงานได้เลย ไม่ต้องกลัวหลง
ส่วนห้องน้ำในชั้นจัดงานก็มีหลายห้อง เราไม่ต้องกังวลว่าจะไม่เพียงพอต่อจำนวนแขกเลย แถมยังมีห้องน้ำสำหรับผู้ใช้งานวีลแชร์ด้วย ออกแบบให้มีราวจับทรงตัวและยังกว้างขวางพอให้คนสามารถเข็นรถวีลแชร์เข้าไปได้ ตรงนี้ช่วยอำนวยความสะดวกและเพิ่มความปลอดภัยต่อผู้ใช้งานมาก งานเรามีแขกผู้ใหญ่ที่ต้องนั่งวีลแชร์ด้วย พอเห็นห้องน้ำนี้ก็รู้สึกดีมากๆ เลยค่ะ
ขาว ฟ้า น้ำเงิน เดินเรื่องด้วยสี ดีไซน์ไม่เยอะ
สำหรับการจัดงานครั้งนี้ เราใช้ห้องสีลมทั้งตอนหมั้นเช้าและเลี้ยงฉลองเที่ยงเลย เพราะมองว่าขนาดห้องสอดคล้องกับแขก 100 คนของเราได้ โดยไม่รู้สึกแออัดหรือว่างโหรงเหรงไป แล้วยังได้ความไพรเวท เพราะเราสามารถใช้พื้นที่ได้ทั้งชั้น โดยไม่มีแขกส่วนอื่นมารบกวนด้วยค่ะ
และเนื่องจากโรงแรมสวย โมเดิร์น มีความใหม่อยู่แล้ว เราจึงไม่เน้นดีเทลตกแต่งเท่าไหร่ แต่จะคงธีมสีในงานไว้ ซึ่งส่วนของสีนี้ แม้งานแต่งจะเป็นแบบจีน แต่เราไม่ได้ใช้ชมพูกับแดงตามธรรมเนียม เพราะอยากได้งานที่ดูแปลกใหม่ มีความโมเดิร์นล้อไปกับสไตล์ของโรงแรมและสไตล์ของตัวเองที่ไม่ได้ชอบหวานมากด้วยค่ะ สุดท้ายเลยมาจบที่สีขาว ฟ้า น้ำเงิน
ในส่วนการตกแต่งจะมี Backdrop ถ่ายภาพ มุมแกลอรี่และโต๊ะลงทะเบียนที่จะเห็นเลยว่าตกแต่งเยอะสุดแล้ว โดยใช้ดอกไม้ตามธีมสีประดับเข้าไปตามจุดต่างๆ ให้สวยงาม ส่วนด้านในห้อง เราจะตกแต่งหลักๆ คือเวที ซึ่งจริงๆ ผนังของโรงแรมมีลูกเล่นที่ดูสวยอยู่แล้ว เราจึงไม่ได้ทำฉากใหม่ แค่นำป้ายชื่อกับดอกไม้ประดับเข้าไปก็ดูโอเคแล้วค่ะ นอกจากนี้เราก็มีตกแต่งจุดวางแชมเปญนิดหน่อยเท่านั้น
สำหรับของชำร่วย เพื่อให้แขกได้ไปแล้วสามารถใช้ได้จริงและเข้ากับสถานการณ์โควิดช่วงนี้ เราจึงเลือกเป็นสเปรย์การ์ดแอลกอฮอล์ โดยได้ตั้งใจหาแบบที่มีความหอมเป็นพิเศษ จึงได้เป็นกลิ่นน้ำหอมโจมาโลนและมิสดิออร์ค่ะ
เสิร์ฟความอร่อย 3 มื้อ ตั้งแต่เช้าถึงบ่าย
เราจัดเต็มเรื่องอาหารพอสมควร เพราะอยากให้แขกได้อิ่มอร่อย จึงจัดไลน์อาหารหลายมื้อหน่อยค่ะ โดยได้แบ่งคอฟฟี่เบรกเป็น 2 ช่วง คือช่วงแรกเริ่มเวลา 7.00 น. มีโจ๊กหมูกับไข่ลวกออนเซ็น วาฟเฟิล เอ้กเบเนดิกต์เบคอน ส่วนช่วงที่ 2 จะเริ่มหลังพิธียกน้ำชา เมนูจะเป็นพวกซูชิอะโวคาโด กุ้งค็อกเทล พุดดิ้งชาเขียวมัทฉะ ไม่เน้นมื้อหนัก เพราะใกล้กับงานเลี้ยงแล้ว กลัวว่าแขกจะอิ่มก่อนค่ะ(หัวเราะ) ซึ่งช่วงทานเบรกนี้ เราจัดห้องรับรองแยกไว้โดยเฉพาะด้วย พนักงานจะได้จัดเตรียมห้องสำหรับงานเลี้ยงฉลองได้สะดวกค่ะ
สำหรับช่วงเลี้ยงฉลอง เราจัดเป็นโต๊ะจีน แต่เสิร์ฟแบบ Individual Serve(เสิร์ฟรายบุคคล) โดยเลือกเป็น CHINESE Set Menu จาก Yào Restaurant เพราะเราได้มีโอกาสไปเทสต์อาหารที่ห้องอาหารนี้แล้วชอบมาก อาหารอร่อยมาก แถมหน้าตายังน่าทานและได้ปริมาณที่บอกเลยว่าอิ่มจนเกือบทานไม่หมดค่ะ(หัวเราะ)
พิธีการง่ายๆ รายล้อมด้วยคนสนิท
สำหรับพิธีการช่วงเช้า ตอนแห่ขันหมากเจ้าบ่าวจะตั้งขบวนที่สะพานแก้ว แล้วเคลื่อนไปยังห้องทำพิธีเพื่อสู่ขอเจ้าสาวกับญาติผู้ใหญ่ จากนั้นถึงกลับไปรับตัวเจ้าสาวที่นั่งรอตรงสะพานแก้ว เพื่อมาทำพิธีมอบสินสอด สวมแหวน ทานขนมอี๋ และพิธียกน้ำชาค่ะ
พิธีหมั้นเราเน้นทางการไปแล้ว ดังนั้นงานฉลองจึงอยากรีแลกซ์หน่อย และด้วยแขกทุกคนสนิทกันอยู่แล้ว เราจึงไม่มีประธานในพิธี ซึ่งหลังจากที่เปิดตัวบ่าวสาวกับพูดความประทับใจเสร็จ ก็จะเชิญคุณพ่อคุณแม่มากล่าวอวยพร เชิญเพื่อนบ่าวสาวกล่าวความในใจ แล้วเราถึงไปรินแชมเปญ ดึงริบบิ้นดอกไม้ และปิดท้ายด้วยการถ่ายภาพร่วมกับแขกที่ Backdrop ด้านนอกค่ะ
ได้โมเมนต์ดีๆ เพราะมีแต่คนกันเอง
เราประทับใจในความราบรื่นและความสวยงามของงานที่ดีกว่าที่คิดไว้ รวมไปถึงชุดเจ้าสาวกับช่างแต่งหน้า ที่ถูกใจจนทำให้เรารู้สึกดีไปทั้งวันเลยค่ะ นอกจากนี้ยังประทับใจบรรยากาศงานมาก ด้วยขนาดของงานกำลังพอดีและมีแต่คนสนิทที่ให้ฟีลกันเองเหมือนชวนแขกมาทานข้าว ทำให้คลายความตื่นเต้นและไม่เกร็งเลย แถมเรายังมีเวลาพูดคุยกับแขกทุกคนมากขึ้นจนแฮปปี้มาก อย่างช่วงบ่าวสาวพูดความในใจบนเวทีแล้วมีเพื่อนแซวกันสนุกสนาน ก็รู้สึกดีมาก ขนาดเซลล์ยังชอบเลยค่ะ บอกว่าไม่ค่อยเจอบรรยากาศแบบนี้(หัวเราะ)
ความใส่ใจช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้น
โดยส่วนตัวเราไว้ใจความมืออาชีพด้านบริการของโรงแรมอยู่แล้วค่ะ แต่พอได้ยินฟีดแบคจากเพื่อนๆ บอกเลยว่าประทับใจมากขึ้นไปอีก เพราะหลายคนบอกว่าพนักงานใส่ใจและช่างสังเกต อย่างช่วงเลี้ยงฉลองที่ต้องทยอยเสิร์ฟทีละคอร์ส และแต่ละคนก็จะมีการเสิร์ฟออเดอร์ไม่พร้อมกัน แต่พนักงานก็จำได้ว่าแขกทานถึงสเต็ปไหนแล้ว สามารถนำมาเสิร์ฟต่อกันโดยไม่มีขาดช่วงเลย ที่สำคัญพนักงานก็มากพอที่จะคอยอำนวยความสะดวกแขกได้อย่างทั่วถึง หรืออย่างบริเวณตรวจเอทีเคที่ทางโรงแรมได้มากั้นทางเดินให้ ตรงนี้เป็นจุดที่เรานึกไม่ถึงเลยค่ะ ดีว่าได้โรงแรมช่วยดูแล งานเลยเป็นระเบียบเรียบร้อยมากขึ้น
แนะนำบ่าวสาว
สถานที่สวย ช่วยเสริมให้งานดูดีขึ้น : หากเลือกที่จัดงานที่มีความสวยหรือตรงกับสไตล์ตกแต่งของงาน จะเป็นตัวช่วยชั้นดีที่ทำให้งานออกมาสวยและดียิ่งขึ้น รวมถึงยังช่วยลดดีเทลการตกแต่งและลดค่าใช้จ่ายส่วนนี้ได้ด้วยค่ะ
เลือกร้านที่ตรงสไตล์ : แม้การบอกต่อหรือรีวิวจะช่วยในการตัดสินใจ แต่ต้องเข้าใจว่าแต่ละร้านจะมีสไตล์เฉพาะและอาจไม่ถูกใจเรา ฉะนั้นนอกจากมืออาชีพกับฝีมือดีแล้ว ควรเลือกร้านที่ตรงสไตล์ที่ต้องการด้วย จะทำให้เรามั่นใจขึ้นได้ค่ะ
คุยเงื่อนไขค่าใช้จ่าย ให้เคลียร์กับทุกร้าน : สถานการณ์โควิด 19 ทำให้อะไรก็ไม่แน่นอน ฉะนั้นควรคุยเงื่อนไขกับร้านให้ชัดเจนก่อนว่าถ้าต้องเลื่อนงานจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมไหม เพราะถ้าคุยไม่เคลียร์อาจจะต้องเสียค่าใช้จ่ายทีหลังค่ะ
อย่ากลัวโควิดเกินไป : โควิดไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด หากรู้จักปรับตัว ประยุกต์งานให้เข้ากับสถานการณ์ รวมถึงหาแผนรองรับหรือมีมาตรการที่ดีพอ ยังไงก็จัดงานได้อย่างสบายใจค่ะ