Sheraton Grande Sukhumvit โรงแรมหรูใจกลางเมือง เดินทางง่ายใกล้ BTS และ MRT พร้อมห้องบอลรูมสวยโปร่ง เพดานสูง
โกโก้กับเมย์ (เจ้าสาว) ตั้งใจมองหาสถานที่แต่งงานเป็นโรงแรมเท่านั้น เพราะเรามีญาติผู้ใหญ่เยอะ อยากให้ท่านรู้สึกสะดวกสบายครับ เรื่องการเดินทางก็สำคัญ เราเลยดูโรงแรมตามแนวรถไฟฟ้าเป็นหลัก และตัดสินใจจัดงานแต่งที่ Sheraton Grande Sukhumvit (เชอราตัน แกรนด์ สุขุมวิท) เพราะทำเลตั้งอยู่ใจกลางสุขุมวิท สามารถเดินทางได้ทั้ง BTS และ MRT และมีที่จอดรถเยอะมากเลยครับ
เมื่อไปดูสถานที่จริงก็ประทับใจห้องแกรนด์บอลรูมที่เพดานสูง ดูโปร่งสบาย ส่วนห้องสุขุมวิทที่ใช้จัดงานหมั้น ก็สวยเรียบหรูในตัว แทบไม่ต้องตกแต่งอะไรเพิ่มเลย แถมเรายังสามารถใช้พื้นที่ของชั้น 3 ได้ทั้งหมด จึงได้ความเป็นส่วนตัวด้วยครับ อีกสิ่งสำคัญที่เราคำนึงถึง คือ เรื่องบัดเจ็ต ซึ่งเมื่อได้คุยกับคุณเต้ เซลล์ของโรงแรมเรื่องเงื่อนไขและข้อเสนอต่าง ๆ ต้องยอมรับว่าเป็นราคาที่คุ้มค่ามาก ๆ ครับ
งานหมั้นสุด Homey ด้วยพิธีเรียบง่ายกับแขก 50 ท่าน
เราใช้ธีมสีที่ชอบคือสีเอิร์ธโทน แซมด้วยสีชมพูพาสเทล เป็นเมนของการตกแต่งทั้งสองงานครับ ซึ่งสีที่เราชอบก็เข้ากับโทนสีของโรงแรมพอดี เมื่อตกแต่งเสริมเข้าไป ยิ่งทำให้บรรยากาศดูสวยกลมกลืนกันทั้งพื้นที่เลยครับ และอย่างที่บอกว่าการตกแต่งของที่นี่สวยอยู่แล้ว บนเวทีเลยเสริมแค่ Flower Stand สีขาวเข้ากับสีม่านด้านหลัง และติดป้ายชื่อเท่านั้นครับ ส่วนจุดรับตัวเจ้าสาวบริเวณบันไดวนก็จะประดับดอกไม้นิดหน่อยครับ
พิธีหมั้นของเราเป็นแบบไทย เราเริ่มด้วยการตั้งขบวนแห่ขันหมากจากบันได ผ่านประตูต่าง ๆ เพื่อเข้าห้องหมั้นไปทำพิธีสู่ขอ จากนั้นผมถึงค่อยออกมากับแม่ของเจ้าสาว เพื่อมารับตัวเมย์ที่นั่งรออยู่ครับ
เรากลับเข้ามาในห้องเพื่อทำพิธีมอบสินสอด สวมแหวน ต่อจากนั้นก็เป็นพิธีรับไหว้ และรดน้ำสังข์ปิดท้าย ระหว่างนี้แขกสามารถแวะเวียนไปทานข้าวต้มและคอฟฟี่เบรกของทางโรงแรมได้ โดยมีครัวซองต์และเบเกอรีที่เรานำเข้ามาเองจากร้าน Brook Boulangerie ด้วยครับ
ครีเอทบรรยากาศงานฉลองสีเอิร์ธโทน เน้นความอบอุ่นทั่วพื้นที่
งานแต่งในอุดมคติของเราทั้งคู่ คือ งานสบาย ๆ อบอุ่น และเรียบง่าย แต่ต้องมีครบทุกองค์ประกอบครับ เราเลยใส่ใจทุกรายละเอียดให้มีลูกเล่น ตั้งแต่การ์ดแต่งงานที่ใช้กระดาษสีขาวเรียบ แต่เพิ่มกิมมิกด้วยตัวหนังสือฟอยล์สีโรสโกลด์ หรือภาพถ่ายพรีเวดดิ้งก็ให้พี่ช่างภาพที่เราชอบ และถ่ายรูปให้เราสองคนตั้งแต่รับปริญญา พาไปถ่ายกันถึงดอยแม่โถ จังหวัดเชียงใหม่ครับ รวมถึงช่างภาพในงานวันจริงก็เป็นพี่ที่รู้จักและถ่ายภาพกับเมย์มานานด้วยครับ
เรายังคงใช้ธีมสีเอิร์ธโทนและสีชมพูพาสเทลเหมือนเดิมครับ ส่วนแบบของโครงสร้าง เราเลือกแบบที่ชอบจากผลงานของทีมตกแต่งก่อน แล้วปรับเปลี่ยน Option มาผสมผสานให้มีความเป็นเรายิ่งขึ้นครับ
ตรงโถงทางเดินด้านนอกจะตั้งโต๊ะลงทะเบียนและแบ็คดรอปถ่ายภาพ ที่เราเลือกฉากพื้นหลังสีขาวเรียบ แต่ก็ยังมีลูกเล่นให้ดูมีมิติโดยการไล่ระดับ ส่วนที่เหลือก็ตกแต่งด้วยดอกไม้จริง ทั้งตรงกลางและด้านล่างฉากครับ
ถัดไปจะเจอโฟโต้แกลเลอรีเป็นโครงเหล็กสีโรสโกลด์ ประดับภาพบ่าวสาวและตกแต่งด้วยดอกไม้ ซึ่งแขกจะเห็นจุดนี้ก่อนเข้าห้องจัดงานครับ
นอกจากนี้ เรายังใส่ใจเลือกโฟโต้บูธให้ฉากหลังเป็นสีที่เข้ากับธีมงานด้วยครับ จึงทำให้การตกแต่งทุกอย่างบริเวณโถงทางเดินเป็นโทนเดียวกันทั้งหมด แขกจะสัมผัสได้ตั้งแต่เดินทางมาถึงชั้น 3 เลยครับ
ส่วนภายในห้องบอลรูม บนเวทีตกแต่งแบบเรียบง่าย เน้นความโปร่งสบายตา โดยใช้โครงเหล็กสีโรสโกลด์และประดับดอกไม้เยอะหน่อย ด้านหลังสุดตกแต่งด้วยผ้าม่านสีขาวครับ ส่วนรูปแบบของโต๊ะจะแบ่งเป็น 2 แบบ มีโต๊ะกลมด้านหน้าสำหรับแขกผู้ใหญ่ และโต๊ะแบบ Standing สำหรับกลุ่มเพื่อน ๆ จัดอยู่โซนหลังห้องครับ
เมื่อแขกเข้างานมาจากทางลิฟท์หรือบันไดวน ก็จะพบกับโต๊ะลงทะเบียนที่วางของชำร่วยเป็นแฮนด์ครีม และมีฉลากเป็นภาพวาดของเราสองคนครับ จากนั้นก็เดินเข้ามาถ่ายภาพกับบ่าวสาวที่แบ็คดรอป ผ่านโฟโต้แกลเลอรี และแวะไปถ่ายรูปเล่นกันที่โฟโต้บูธ ก่อนเข้าสู่ห้องแกรนด์บอลรูมครับ
คิวงานในห้องจะเริ่มจากเปิด VDO Presentation ของเราสองคน ซึ่งเป็นรูปตั้งแต่เรารู้จักกันจนถึงตอนไปถ่ายพรีเวดดิ้ง จากนั้นเราเดินเข้ามาในงาน และเชิญประธานในพิธี ซึ่งเป็นผู้ใหญ่ที่รู้จักกับผมมาตั้งแต่เด็ก ๆ มากล่าวคำอวยพรบนเวที จากนั้นก็เป็นพ่อแม่บ่าวสาวตามลำดับ ต่อด้วยเพื่อนบ่าวสาวรวม 6 คนขึ้นพูด Speech บนเวที ซึ่งเรารู้สึกประทับใจคำพูดของเพื่อน ๆ มากครับ เรียบร้อยแล้วเราจะไปตัดเค้กและโยนดอกไม้ครับ
เมื่อจบพิธีฉลอง เราเปลี่ยนมู้ดด้วยงานปาร์ตี้ โดยเมย์จะไปเปลี่ยนชุดสำหรับช่วงนี้ แล้วกลับเข้ามาสนุกกันเต็มที่เพื่อปิดท้ายงานครับ
สำหรับอาหารจัดเลี้ยง เราเลือกเป็นบุฟเฟ่ต์เมนูนานาชาติกว่า 10 รายการ ซึ่งแขกชมว่าอาหารอร่อยทั้งหมดเลย ส่วนเพื่อน ๆ ถึงกับเอารูปเค้กลงสตอรี่เลยครับ ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าอาหารที่นี่อร่อยมาก
บ่าวสาวซาบซึ้ง ขอบคุณทุกคนที่มีส่วนให้งานในฝันเป็นจริง
เราใส่ใจในทุกรายละเอียดจริง ๆ ครับ พอได้เห็นแขกที่มาร่วมงาน พ่อ-แม่ ญาติผู้ใหญ่ รวมไปถึงเพื่อน ๆ แฮปปี้ เราก็ดีใจมากครับ และคนที่เราต้องขอบคุณเป็นพิเศษ คือ พี่ปอย พี่สาวของโก้ ที่มีประสบการณ์การแต่งงานมาช่วยเป็นที่ปรึกษาเรื่องทีมงาน ลำดับการต่าง ๆ และเรื่องอื่น ๆ อีกมากมาย เพราะงานนี้เราไม่ได้ใช้แพลนเนอร์ครับ
ส่วนทีมงานทุกทีมที่เราคัดมาก็มีความมืออาชีพมาก ๆ ตั้งแต่ช่างภาพที่รู้ใจกันดี,
พิธีกรช่วงเย็นซึ่งเป็นคนเดียวกับนายพิธีช่วงเช้า ช่วยดำเนินงานให้ผ่านไปได้ด้วยดี แถมสอดแทรกความสนุกสนาน จนได้รับคำชมจากแขกผู้ใหญ่เยอะมากครับ
ยิ่งตอนเดินลงมาแล้วเห็นงานแต่ง เราประทับใจมาก ทุกองค์ประกอบเหมือนที่เราคิดไว้ในหัวจริง ๆ ต้องขอบคุณทางโรงแรมและทีมตกแต่งที่จัดให้ทุกคำขอ และช่วยสานฝันให้เป็นจริงครับ
โรงแรมเป็นอีกหนึ่งความประทับใจสำคัญของเราครับ แม้ว่าเราจะมีทีมรันคิว แต่ทางโรงแรมก็เข้ามาซัพพอร์ตในเรื่องของลำดับพิธีการด้วยครับ นอกจากนี้เรายังประทับใจพนักงานที่มี service mind ดี และบริการแขกทุกคนได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง หลังงานจบงานแล้ว เรายังได้รับคำชมกลับมามากมายเลยครับ
คำแนะนำบ่าว-สาว มือใหม่
หาสไตล์ที่ใช่ และไปกันได้กับบัดเจ็ต : อยากให้บ่าวสาวหาสไตล์ที่ตัวเองชอบให้เจอก่อน ว่าเราอยากได้งานออกมาแบบไหน เพื่อให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้น และพิจารณาบัดเจ็ตเป็นลำดับต่อมา ดูว่าอะไรสำคัญต่องานเราจริง ๆ และอะไรที่ตัดทิ้งได้บ้าง จะได้งบไม่บานปลายเกินไป
จับมือให้กำลังใจกันในช่วงเตรียมงาน : ในช่วงเตรียมงานบ่าวสาวควรพูดคุยกันเองและคุยกับญาติผู้ใหญ่ เพื่อหาข้อสรุปและทำความเข้าใจกันทุกฝ่าย แม้ว่าจะเจอกับปัญหาบ้าง ก็อยากให้ใจเย็น ๆ และให้กำลังใจกันและกันเสมอ คิดเสียว่าช่วงเตรียมงานจนถึงวันแต่งงาน เป็นจุดเริ่มต้นและบททดสอบของการใช้ชีวิตคู่ที่แท้จริง
Photographer : Rakyim Team, TP30.photography