รีวิวงานแต่งปาร์ตี้ Rooftop จัดถูกใจทั้งแขกผู้ใหญ่และวัยรุ่น @ Hyatt Regency Bangkok Sukhumvit

Spectrum Lounge & Bar @ Hyatt Regency สถานที่แต่งงานตอบโจทย์สายปาร์ตี้

       ด้วยความที่แพรวกับเจ้าบ่าวมีไลฟ์สไตล์เหมือนกัน คือชื่นชอบปาร์ตี้ รักความสนุกเป็นชีวิตจิตใจ ดังนั้นแต่งงานทั้งทีก็ต้องไม่ใช่ห้องบอลรูมแน่ๆ เพราะเราไม่ชอบห้องเปล่าที่ต้องมาคิดธีมตกแต่งทั้งหมด จึงมองว่าการจัดงานที่ Rooftop ตอบโจทย์สุดแล้ว เพราะมี City View ที่พอได้วิวสวยเป็นหลักก็ไม่ต้องตกแต่งอะไรมากมาย แถม Rooftop ก็ทำให้งานดูเก๋และทันสมัยยิ่งขึ้นด้วยค่ะ

       สรุปแล้วเราก็ตัดสินใจเลือกจัดงานแต่งงานที่ Spectrum Lounge & Bar ของ Hyatt Regency Bangkok Sukhumvit (ไฮแอท รีเจนซี่ กรุงเทพฯ สุขุมวิท) เพราะพื้นที่ดาดฟ้ามีลานกว้างตอบโจทย์กับ Sequence ในงานที่ต้องตั้งเวที และมีทางเดินเปิดตัวบ่าวสาว อีกทั้งยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เช่น จอ LED ขนาดใหญ่ ทำให้ไม่ต้องนำอะไรเข้ามาเพิ่ม ช่วยลดค่าใช้จ่ายไปได้อีกทาง แล้วตรงโซนที่เราใช้จะได้บริเวณที่จัดงานตั้งแต่ชั้น 29-31 มีทั้งส่วนอินดอร์ ห้องรับรองไว้สำหรับแขกที่อยากนั่งคุยกัน และเอาท์ดอร์ที่เปิดฟลอร์แดนซ์ปาร์ตี้ได้อย่างเต็มที่ ซึ่งเราก็จะใช้ทั้ง 3 ชั้นเลยค่ะ

เพิ่มความเก๋ในงาน ด้วยการใช้สีเอิร์ธโทน

       งานนี้แพรวเลือกธีมสีเอิร์ธโทนทั้งการตกแต่งและสี Dress Code ค่ะ หากจะให้ไล่เรียงตำแหน่งการจัดวาง ก็คือเมื่อออกมาจากลิฟต์ชั้น 29 จะพบจุดลงทะเบียน ซึ่งแขกทุกคนกว่า 150 คนจะต้องผ่านจุดนี้ แล้วแพรวเชิญแขกมาเฉพาะคนสนิทและคนในครอบครัวจริงๆ จึงได้มีการจ้างเจ้าหน้าที่เพื่อเช็คคนเข้างานเพิ่ม 5 คนด้วย คนที่มาลงทะเบียนจะต้องมีชื่อที่ระบุไว้เท่านั้นค่ะ ไม่งั้นก็เข้างานไม่ได้

       และพอเดินออกมายังลานด้านนอก จะพบจุดตั้งมินิแกลอรี่และ Backdrop ถ่ายภาพ ที่ทำจากโครงเหล็กโปร่ง ซึ่งจะมีการเล่นไฟ LED ดัดโค้งไปตามเส้นสายของโครงด้วยค่ะ ส่วนนี้แพรวชอบมากที่ทีมตกแต่งไม่ทำ Backdrop แบบทึบ เพราะทำให้เห็นวิวด้านหลังได้ด้วย

       เมื่อเดินขึ้นบันไดไปชั้น 30 จะเห็นจุดตั้งเวที ปูพรมทางเดิน ส่วนนี้ไม่ได้ตกแต่งอะไรมาก จะเน้นจัดไฟแสงสีมากกว่า เพื่อเสริมบรรยากาศและเพิ่มแสงสว่างให้บ่าวสาวดูโดดเด่นมากขึ้นค่ะ และเนื่องจากเราจัดเลี้ยงแบบค็อกเทล ก็จะมีจัดมุมอาหารไว้ด้วย ซึ่งเมนูจะเป็นพวกคานาเป้ เช่น ยำส้มโอ แซลมอนกริลล์ พิซซ่า ของหวาน และมีซุ้มร้อน 2 เมนู คือข้าวเหนียวคอหมูย่างกับพาสต้าค่ะ งานนี้แขกชมอาหารว่าอร่อยเยอะมาก ชอบกันมาก ทานจนอาหารหมดไวกว่าที่คิดเลยค่ะ(หัวเราะ)

จัดงาน Rooftop ใช้โดรนเสริม ช่วยให้ภาพถ่ายอลังยิ่งขึ้น

       ความโชคดีที่เลือกแต่งงานที่นี่คือสถานที่เป็นพื้นที่เปิดโล่ง ไม่มีอะไรบดบัง จึงเอื้อต่อการบินโดรนได้เต็มที่ ไม่ต้องกลัวไปชนคานหรือหลังคาอะไรเลย ซึ่งการใช้โดรนนี้เป็นไอเดียที่แวบขึ้นมาตั้งแต่เห็นสถานที่แล้วค่ะ แม้ตอนแรกจะลังเลอยู่ว่าจะใช้ดีไหม เพราะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มและต้องทำเรื่องขออนุญาตกับทางเขตนั้นๆ แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจใช้ และพอเห็นภาพถ่ายที่ดูยิ่งใหญ่อลังการ สมกับความต้องการที่คิดไว้ ก็รู้สึกตัดสินใจถูกมากเลยค่ะ(หัวเราะ) เรามีลงภาพกับคลิปไว้ในไอจี @siprw และ @gutzillaa ของเราด้วย เพื่อนๆ เห็นแล้วก็ชอบกันมากเลยค่ะ

พิธีการตามใจฉัน ได้ทั้งสุข สนุกสนาน

       สำหรับกำหนดการงานแต่งเราเริ่มเวลา 17.30 น. ซึ่งหลังจากที่ถ่ายรูปกับแขกที่ Backdrop แล้ว แพรวจะแวบไปเปลี่ยนชุดเจ้าสาว ขณะเดียวกันแขกที่อยู่กระจายตามแต่ละส่วนก็จะไปรวมตัวกันที่ชั้น 30 เพื่อรอเริ่มพิธี พอ 19.00 น. เราก็จะเริ่มเปิดตัวบ่าวสาว โดยแพรวกับเจ้าบ่าวจะเดินร้องเพลงต่อจากนี้เพลงรักทุกเพลงจะเป็นเพลงของเธอของ No One Else ประกอบวงดนตรีสดเข้างานมาด้วยกันค่ะ

       แล้วเมื่อขึ้นเวทีเรียบร้อย พิธีการก็จะดำเนินไล่ตั้งแต่เชิญประธานและคุณพ่อคุณแม่ขึ้นกล่าวคำอวยพร ต่อด้วยเพื่อนๆ มาพูดความในใจ เสร็จจากนั้นก็ถึงตาเราสองคนพูดคำสัญญาที่มีให้กันบ้างและปิดท้ายด้วยการร้องเพลงคู่ชีวิตของ Cocktail แล้วก็จะเป็นช่วงพักเบรกให้แขกได้รับประทานอาหาร 1 ชั่วโมง

       หลังเบรกเรามีงานอาฟเตอร์ปาร์ตี้ต่อด้วย ซึ่งการเปิดตัวช่วงนี้เพื่อนบ่าวสาวจะเดินออกมาก่อน โดยจะใส่เสื้อฮู้ดที่เราตัดมาให้พิเศษเฉพาะงานนี้ แล้วบ่าวสาวถึงค่อยเดินมาจากหลังเวทีใต้จอ LED ด้วยการร้องเพลงคุณและคุณเท่านั้นของแกงส้มค่ะ

       ตอนที่ร้องไปถึงช่วงกลางเพลง แพรวกับเจ้าบ่าวจะเดินขึ้นไปชั้น 31 เพื่อโยนดอกไม้ แล้วเมื่อโยนเสร็จก็จะกลับลงมาร่วมแสดงความยินดีกับผู้โชคดีที่รับช่อดอกไม้ได้ และต่อด้วยช่วงเล่นเกมส์ Kahoot โดยคำถามจะถูกนำขึ้นจอ LED ให้แขกได้เห็นกันทุกคน กิจกรรมนี้ใครตอบถูกได้คะแนนเยอะที่สุดก็รับรางวัลเป็น Gift Card 3 รางวัล มูลค่า 20,000 บาท 10,000 บาท และ 5,000 บาทค่ะ แล้วสุดท้ายเราก็จะรินแชมเปญ หลังจากนี้ก็แดนซ์จัดเต็มด้วยการเปิดแผ่นจากดีเจของทางโรงแรม พร้อมเพิ่มบรรยากาศให้สนุกยิ่งขึ้นด้วยโมชั่นกราฟิก EDM ที่ฉายขึ้นจอ LED ค่ะ

งานอบอวลด้วยรัก ปิดท้ายด้วยเสียงหัวเราะ

       งานนี้เราประทับใจทุกอย่างจริงๆ ตั้งแต่สถานที่จัดงานที่มีแปลนที่เอื้อให้เราจัดงานได้ตรงใจ ที่สำคัญเราเป็นคู่แรกที่จัดบน Rooftop ของ Spectrum ด้วย ก็เลยรู้สึกว่าเป็นการสร้างความทรงจำได้ดีทีเดียวค่ะ ส่วนของพิธีการก็ชอบตั้งแต่ช่วงที่เพื่อนพูดความในใจแล้ว คือโมเมนต์นี้ทั้งเราและเพื่อนร้องไห้เลย มีบางคนเตรียมตัวจดมาเป็นหน้ากระดาษด้วย ซึ่งก็แสดงถึงความรักและใส่ใจที่เขามีให้ อีกทั้งยังชอบตอนที่บ่าวสาวต่างฝ่ายต่างพูดคำสัญญาระหว่างกันด้วยค่ะ

       ต่อมาก็รู้สึกดีที่เราทำตามความชอบของตัวเอง ไม่ได้ทำตามความต้องการของคนอื่นเลย แม้ตอนแรกพ่อแม่จะไม่เข้าใจบ้าง เพราะนึกภาพไม่ออกว่างานจะออกมาแบบไหน แต่พอเห็นงานจริง ท่านน้ำตาซึมเลยค่ะ ท่านไม่คิดว่าจะจัดงานได้อลังการและดีขนาดนี้ เหมือนท่านภูมิใจในตัวเรา แถมในงานก็มีแต่คนที่รักและแคร์ เพื่อนทุกคนก็แฮปปี้มาก มีบอกว่าอยากให้จัดอีกด้วยค่ะ(หัวเราะ)

ซัพพลายเออร์ดี ช่วยให้งานเป๊ะ แถมสบายใจ 

       ถ้าให้พูดถึงทีมงานและซัพพลายเออร์ต่างๆ ที่มีส่วนทำให้งานนี้ผ่านไปอย่างเรียบร้อย ไม่ว่าจะเป็นตากล้อง ทีมตกแต่ง พนักงานหรือเซลล์ของโรงแรม ต้องบอกเลยว่าทุกทีมทำได้ดีมาก เป็นมืออาชีพและกระตือรือร้น พยายามช่วยทุกอย่างเพื่อให้งานออกมาดี จนเรารู้สึกว่าเขาไม่ได้ทำหน้าที่แค่ขายของ แต่เขาบริการลูกค้าด้วยหัวใจจริงๆ อย่างเช่นการบริการของโรงแรม งานนี้เราเลี้ยงค็อกเทลที่ให้แขกไปตักอาหารเอง ไม่จำเป็นต้องมีพนักงานมาช่วยเสิร์ฟด้วยซ้ำ แต่โรงแรมก็ช่วยซัพพอร์ต กลายเป็นว่ามีพนักงานช่วยดูแลเยอะมากจนผู้ใหญ่ที่ไม่ชินกับการทานเลี้ยงค็อกเทลประทับใจเลยค่ะ 

แนะนำบ่าวสาว

ชอบแบบไหน ให้จัดงานแบบนั้น : ไม่ว่าเราจะเลือกจัดงานแบบใด ไม่มีผิดถูก ขอแค่เป็นรูปแบบที่ชอบ เป็นสไตล์เราก็พอ รวมถึงต้องคิดภาพออกมาก่อนเพื่อความชัดเจนและดำเนินงานต่อได้ง่าย

ควรไปดูหลายๆ สถานที่ : จะได้นำแต่ละที่มาเปรียบเทียบกัน เพื่อหาสถานที่ที่เหมาะสมและดีกับเราที่สุดค่ะ

ชุดบ่าวสาวควรได้แต่เนิ่นๆ : ไม่ว่าจะตัดหรือเช่าก็ควรถามรายละเอียดและเดดไลน์ในการรับชุดให้ชัดเจน เพราะถ้าได้ชุดใกล้วันจัดงานเกินไป หากเกิดปัญหาจะแก้ไม่ทันและเกิดความหงุดหงิดได้ค่ะ

เลือกช่างภาพที่ถ่ายทอดอารมณ์ของงานได้ตรงปก : ถ้าช่างภาพถ่ายทอดอารมณ์ของภาพออกมาไม่ดี จะไม่สามารถพรีเซนต์ให้คนเห็นได้ว่างานดีแค่ไหน ขณะเดียวกันถ้าสื่อ Mood and Tone ของภาพออกมาไม่ชัดเจน คนที่ไม่ได้มางานอาจมองงานเป็นอีกแบบหนึ่งได้ค่ะ