SO Sofitel Hua Hin สถานที่ริมทะเล วิวสวยสบายตา พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
แม้จะจัดงานแต่งงานแบบทางการที่กรุงเทพฯ แล้ว จ๋อมก็มีความฝันอยากจัดงานริมทะเลที่เชิญแต่ครอบครัวและเพื่อนๆ เพื่อจะได้มีช่วงเวลาที่ดีและมีภาพถ่ายเก็บไว้เป็นความทรงจำค่ะ เวลาจ๋อมและบิ๊ก (เจ้าบ่าว) ไปเที่ยวทะเล เราชอบไปพักกันที่ SO Sofitel Hua Hin(โซ โซฟิเทล หัวหิน) จึงคุ้นเคยกับสถานที่เป็นอย่างดี ที่นี่จึงตอบโจทย์ที่สุด นอกจากวิวสวย บรรยากาศถูกใจ และมีความเป็นส่วนตัวแล้ว เขายังมีแพ็กเกจจัดงานแต่งงานที่ครอบคลุมและมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ตลอดจนมีพนักงานที่น่ารักและใส่ใจด้วยค่ะ
เลือกธีมสีขาว-เขียว และแสงไฟ ให้เข้ากับวิวธรรมชาติโดยรอบ
เราต้องการงานที่อบอุ่น แบบฟีลครอบครัวจริงๆ จ๋อมจึงเลือกใช้พื้นที่จัดงานเป็นโซนสนามหญ้าที่อยู่ติดชายหาดและจองห้องพักวิลล่าแถบนั้นทั้งหมดเพื่อความเป็นส่วนตัว จ๋อมเลือกธีมสีขาวและสีเขียวมาตกแต่งงาน แต่ก็ไม่ได้ตกแต่งเยอะอะไร แค่ใช้เฟอร์นิเจอร์และพร็อพสีขาวและสีเขียวเป็นหลัก เพราะสถานที่และวิวสวยอยู่แล้ว เราแค่จัดเพื่อเอาบรรยากาศริมทะเล เน้นสนุกและแฮงก์เอาท์กันมากกว่าค่ะ (หัวเราะ)
สำหรับการตกแต่ง บริเวณทางเดินเข้างานเราที่มีป้าย Welcome Sign จุดลงทะเบียนที่วางของชำร่วยเป็นเจลแอลกอฮออล์ มุมแกลอรี่ รวมถึงโฟโต้บูธเพื่อให้เพื่อนๆ มาช่วยกันสร้างสีสันในงาน สำหรับจุดทำพิธี เรามีแค่ซุ้มไม้ที่ตั้งไว้เป็นสัญลักษณ์ เพราะตั้งใจเน้นให้วิวทะเลและท้องฟ้าเป็นฉากหลังค่ะ นอกจากนี้ ในงานช่วงพลบค่ำยังมีการตกแต่งด้วยแสงไฟจากหลอดไฟปิงปอง เพื่อสร้างบรรยากาศการสังสรรค์ ทั้งยังเติมความอบอุ่นและโรแมนติกให้งานมากยิ่งขึ้น
พิธีสุดชิล กินดื่มสุดประทับใจ
สำหรับพิธีการเริ่มช่วงเย็น จ๋อมจะเดินไปกับคุณพ่อเพื่อไปหาเจ้าบ่าวยังจุดทำพิธี โดยมีเพื่อนบ่าว-สาวยืนเรียงเป็นแถวหน้ากระดาน ทุกคนใส่ชุดที่เราสั่งตัดให้เป็นพิเศษ จากนั้นก็มีการพูดความในใจจากคนในครอบครัวและเพื่อนๆ ต่อด้วยคิวพูดของคู่บ่าว-สาว แล้วก็ได้เวลาสวมแหวน และจบพิธีช่วงแรกค่ะ
ด้วยความที่เราเลือกทำพิธีและเลี้ยงรับรองในพื้นที่เดียวกัน เมื่อจบพิธีช่วงแรก เราจึงมีช่วงพักเพื่อให้ทีมงานเคลื่อนย้ายเก้าอี้ออกแล้วเปลี่ยนเป็นโต๊ะ Long Table สำหรับรับประทานอาหารค่ะ จากนั้น คู่บ่าว-สาวก็กลับมาด้วยการเปิดวิดีโอ พรีเซนเทชั่นฉายขึ้นจอโปรเจคเตอร์ ส่วนแขกก็รับประทานอาหารที่เราจัดเลี้ยงแบบบุฟเฟ่ต์อาหารไทยและนานาชาติไปพร้อมกัน ซึ่งในส่วนของอาหารที่จัดเลี้ยงนี้ ก็ได้รับคำชมจากแขกว่ารสชาติอร่อยถูกปากค่ะ
เซอร์ไพรส์เจ้าบ่าว ด้วยมินิคอนเสิร์ตจากศิลปินคนโปรด
จ๋อมอยากเก็บงานนี้ไว้เป็นความทรงจำดีๆ จึงเลือกทำเซอร์ไพรส์เจ้าบ่าวด้วยการเชิญศิลปินคนโปรด อย่างพี่เล็ก Greasy Cafe มาจัดมินิคอนเสิร์ตให้
อยากกระซิบบอกว่า งานนี้คุณเจเซลของโรงแรมน่ารักมากที่คอยช่วยดูแลความเรียบร้อยเตรียมห้องซาวด์เช็คให้ศิลปิน และเก็บความลับได้ดี เจ้าบ่าวไม่รู้เรื่องอะไร กระทั่งจวนใกล้ช่วงเซอร์ไพร์สเขาก็ยังหัวเราะเฮฮากับเพื่อนฝูงอยู่ พอเห็นพี่เล็กเดินมาเท่านั้นแหล่ะ เขาปล่อยโฮออกมาเลยเพราะดีใจ ไม่คิดว่าจะมีเซอร์ไพรส์แบบนี้
หลังจากมินิคอนเสิร์ตจบ เรามีพิธีตามธรรมเนียมอีกช่วงคือตัดเค้กและโยนช่อดอกไม้ เสร็จแล้วก็เป็นช่วงเวลาสังสรรค์กันขั้นสุดไปเลยค่ะ (หัวเราะ)
จัดงานเพื่อความฝัน สังสรรค์ และพักผ่อน
อันที่จริง จ๋อมถือว่าการจัดงานแต่งครั้งนี้เหมือนฝัน เพราะเป็นการเชิญครอบครัวและเพื่อนที่ไม่ค่อยได้เจอให้มาพบปะสังสรรค์และพักผ่อนกัน โดยเราไปกันรวม 3 วัน 2 คืน มีอยู่คืนหนึ่งที่เราเลือกใช้ห้องบอลรูมจัดประกวดการแต่งกายในธีม "ลองรวย" มีกินดื่มและมอบรางวัลด้วย (หัวเราะ) เรียกว่าเน้นฮากันอย่างเดียว ถือว่าเราโชคดีตรงที่คิดกิจกรรมอะไรไป ทั้งเพื่อนและครอบครัวก็ให้ความร่วมมือดีมากๆ ทำให้งานเราสนุกค่ะ
เลือกชุดเหมาะกับงาน ช่วยเจ้าสาวมั่นใจ
จ๋อมว่าชุดแต่งงานมีส่วนสำคัญในการสร้างความมั่นใจ อย่างจ๋อมคุยกับดีไซน์เนอร์เลยว่าจะจัดงานกันริมทะเลและลมทะเลค่อนข้างแรง ฉะนั้น ชุดต้องตัดเย็บด้วยเนื้อผ้าที่มีน้ำหนักและทิ้งตัวสักหน่อย ทำให้ไม่ต้องกลัวว่าชุดจะหลุดเมื่อเจอลมพัด ส่วนเครปหลังควรเป็นผ้าบางเบาเพื่อความพลิ้วไหวขณะเดินด้วย
ทุกอย่างเป็นไปดั่งใจ ทั้งสถานที่และการบริการดี มีสุข สนุกเกินร้อย
งานนี้จ๋อมประทับใจทุกอย่างเลยค่ะ คนในครอบครัวเอ่ยปากชมว่างานสวยและเขาขอบคุณเราที่ทำให้เขามีความสุขด้วยการพามาเที่ยว มาพักผ่อนกันแบบนี้
สำหรับสถานที่จัดงาน เราประทับใจทั้งเรื่องสถานที่สวยงาม วิวดี และพนักงานบริการดีมาก คุณเจที่เป็นเซลก็พร้อมช่วยสนับสนุนเต็มที่ จ๋อมให้คะแนนเต็มร้อยเลย ส่วนเรื่องเซอร์วิสเขามีบริการตลอด 24 ชั่วโมง ฉะนั้น ไม่ว่าเราจะร้องขออะไรไปตอนไหน ทางโรงแรมก็จัดหามาให้ได้หมดค่ะ
แนะนำบ่าวสาว
ให้ความรู้สึกของตัวเองนำทาง และสำรวจหน้างานอีกที : ไม่ว่าจะเลือกซัพพลายเออร์เจ้าใดมาเป็นส่วนประกอบในงาน อยากให้มาจากความชอบและความรู้สึกของตัวเองเป็นหลัก เลือกแบบที่ตัวเองสบายใจและไม่ต้องมานั่งวิตกกังวลทีหลัง จากนั้น ก็ไปสำรวจหน้างานหรือคุยกับพนักงานเลยเพื่อนำข้อมูลมาประกอบการตัดสินใจ เพราะเราเชื่อว่าความรู้สึกมักจะพาเราไปเจอสิ่งที่ใช่เสมอ
Photo : Athur Louise photo