Park Hyatt Bangkok สถานที่จัดงานแต่งสวยโมเดิร์น ครบทั้งโซนเอาท์ดอร์และห้องจัดงานเลี้ยง พร้อมวิวตึกระฟ้าใจกลางเมือง
เจมส์ขอแต่งงานบิ๊ก (เจ้าบ่าว) ในวันคริสต์มาส และแพลนว่าอยากจัดงานแต่งช่วงคริสต์มาสเหมือนกัน แต่โรงแรมไม่ว่างเลย จนกระทั่งเจอคุณไอซ์ คุณกระตั้ว ที่ดูแลฝ่ายเวดดิ้งของ Park Hyatt Bangkok (พาร์ค ไฮแอท กรุงเทพ) โจทย์หลักคือไม่เอาห้องบอลรูม เพราะชอบสถานที่กึ่งเอาท์ดอร์ รวมถึงอยู่ใจกลางเมือง เดินทางง่าย ซึ่งโซน The Apartment ของโรงแรมตอบโจทย์พอดีเลย วิวสวย แถมรับกับจำนวนแขกราว 130 คนด้วย ทีนี้ทุกอย่างก็เกิดขึ้นไวมาก เหมือนงานของเราถูกกำหนดไว้แล้วครับ
จากธีมงานเทพนิยายในฝันสู่งานแต่งจริง
เจมส์มีภาพงานแต่งแนว Fairy Tale และอินกับเจ้าหญิงดิสนีย์มาก เลยคุยกับโรงแรมว่าเตรียมงบไว้เท่านี้ ธีมงานที่อยากได้ประมาณนี้ เรามีเวลาเตรียมงาน 2 เดือนกว่า แต่เขาเนรมิตให้ได้หมดเลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสถานที่ อาหาร หาทีมออแกไนซ์ให้ ซึ่งธีมสีที่กำหนดเป็นสีขาวกับสีฟ้าอ่อน ทีมจึงดีไซน์ออกมาเป็นเวทีที่ตกแต่งด้วยดอกไม้สีขาว ส่วนจุดรินแชมเปญเป็นรันเวย์กระจก ประดับโคมไฟและเทียน รายล้อมด้วยดอกไฮเดรนเยียสีฟ้า ที่มีความหมายสื่อถึงความรักที่อ่อนโยน บริสุทธิ์ ซึ่งเราชอบมาก จึงใช้ตกแต่งในห้องจัดเลี้ยงด้วยครับ
เราสอดแทรกกิมมิกธีมเจ้าหญิงเข้าไป ไม่ว่าจะเป็นแบ็คดรอปรูปปราสาทสีขาว เพลย์ลิสต์ที่ใช้ มีน้องมาเล่นไวโอลินให้ ยิ่งช่วยเพิ่มความโรแมนติกครับ เรายังดีไซน์การ์ดเชิญเป็นพาสปอร์ตและ Boarding pass ซึ่งส่วนปลายจะเอาไปฉีกเขียนชื่อ และจับ Lucky draw ในงานด้วย ส่วนของชำร่วยเป็นกระเป๋าผ้าที่เจมส์ออกแบบลายเองครับ
ชุดแต่งงานที่ไม่จำกัดเพศ แต่ดูดีแบบคลาสสิก
เจมส์กับบิ๊กคิดว่าเรื่องชุดแต่งงานยากที่สุด งานแต่งงานของ LGBTQ+ หลาย ๆ คู่ที่เคยเห็นมา ส่วนใหญ่จะแต่งตัวแบบเดียวกัน แต่เราไม่อยากตีกรอบ เจมส์จึงเลือกใส่ชุดสีขาวจาก Poem Ready to Wear ของผู้หญิง เบลเซอร์มีเคปหลังสั้นน่ารัก ๆ ครับ ส่วนชุดเจ้าบ่าวเป็นทักซิโด้ของ Pinky Tailor ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องการตัดสูทอยู่แล้ว รองเท้าของเจมส์ไปเจอที่ Prada และเป็นคู่สุดท้ายที่มีอยู่ในประเทศ ไซส์ใส่ได้พอดีเลย เหมือนเกิดมาคู่กับเราจริง ๆ
พิธีการกระชับ เคล้ารอยยิ้มตลอดงาน
หัวใจหลักในงานแต่งงานของเรา คืออยากเชิญแขกมา Celebrate ความรัก เจมส์กับบิ๊กจึงตัดพิธีไทยออก เหลือเพียง Christian Ceremony ซึ่งจัดโซนด้านนอก ด้วยความที่สถานที่นั่งได้จำกัด เราก็จะลิสต์รายชื่อแขกที่มีความสำคัญในช่วงเวลาที่เราคบกันมาเป็นอันดับแรก รวมครอบครัวด้วย รองลงมาเป็นเพื่อนสนิท ที่เหลือก็ยืนลดหลั่นกันไปครับ
เริ่มพิธี นักไวโอลินเล่นเพลง Can't Help Falling in Love เจ้าบ่าวเดินนำหน้าออกมา พร้อมเพื่อนเจ้าบ่าว จากนั้นให้เพื่อนเจ้าสาวเดินเข้าไปก่อน พอถึงเวทีแล้ว เจมส์ก็จะเดินควงแขนมากับเพื่อนสนิท เพื่อทำพิธีแลกแหวนและกล่าวคำสาบาน โดยเรามีพัดให้แขกเป็นพร็อพและคลายร้อนได้ด้วยครับ
เสร็จพิธีคริสต์ก็จะเป็นทานอาหารร่วมกันภายในห้อง โดยจัดเป็น Long Table มีความเป็น Royal นิด ๆ แล้วก็เชิญตัวแทนแขกมาฝั่งละ 3 คน เพื่อกล่าวถึงบ่าวสาว และแทรกกิจกรรมจับ Lucky draw เพราะอยากให้งานสนุก ของรางวัลมีทั้ง Luxury Brand, Wellness & Spa แล้วก็น้ำหอมที่เราคิดค้นและปรุงกลิ่นขึ้นมาเองครับ เสร็จแล้วบิ๊กมีเซอร์ไพรส์พรีเซนเทชั่นที่เขาทำมา พร้อมมอบของขวัญเป็นกำไลข้อมือ Bvlgari ให้เจมส์ด้วย
ต่อมาเป็นพิธีรินแชมเปญด้านนอก ช่วงนั้นเป็นกลางคืน ก็จะเห็นตึกรอบ ๆ เปิดไฟ ถ่ายรูปออกมาสวยมาก ได้ฟีลโรแมนติก จบด้วยการโยนช่อดอกไม้ และอีกช่อเจมส์เดินไปให้เพื่อนสนิทถึงมือเลยครับ
อาหารอิ่มอร่อยเกินคาด ถูกใจทั้งแขกและบ่าวสาว
อาหารเป็นองค์ประกอบสำคัญที่เรามองว่าทำให้แขกมีความสุขไปกับงานได้ เจมส์เลือกมาประมาณ 5-6 เมนู ทั้งติ่มซำเอาไว้ทานเล่น และอาหารหนักอย่างพาสต้าที่ทำสด ๆ ขอกระซิบว่าสปาเก็ตตี้ กระเพาะปลา และข้าวหน้าหมูชาชูของโรงแรมอร่อยสุด ๆ ยิ่งของหวานอย่าง Honey Toast แขกที่เล่นกล้าม รักษาหุ่น ปกติเขาไม่ทานของหวานเลยนะครับ แต่กลับทานไป 2-3 จาน แล้วอาหารที่เสิร์ฟพอร์ชันค่อนข้างใหญ่ พอเราเห็นแขกกินอิ่มแล้วบอกว่าอร่อย เขามีความสุข เราก็รู้สึกว่า Success แล้ว
ทุกโมเมนต์ชวนจดจำ พร้อมส่งต่อแรงบันดาลใจดี ๆ
เราอยากให้งานแต่งงานของเราเป็น Movement หนึ่งที่สามารถขับเคลื่อนสังคมไปสู่การสมรสเท่าเทียมได้ อย่างในพิธีคริสต์ บิ๊กเตรียมสคริปต์โดยที่เราไม่รู้มาก่อน เพราะการเป็น LGBTQ+ กว่าจะมาถึงจุดนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เจมส์เซอร์ไพรส์มาก ไม่คิดว่าเขาจะพูดได้ซึ้งขนาดนี้ แขกทุกคนร้องไห้กันหมด
นอกจากนั้น เราประทับใจทีมของ Park Hyatt Bangkok คุณกระตั้วและคุณไอซ์เต็มที่กับงานมาก ๆ ไม่ว่าจะอยากได้อะไร ก็จัดการให้หมด แนะนำทุกอย่างด้วยความจริงใจ อย่างเรามีปัญหาเรื่องหาช่างภาพไม่ทัน คุณกระตั้วก็หาให้ได้ภายใน 5 นาที ที่สำคัญคือเวลาเกิดอะไรไม่คาดฝันขึ้นมา เขามีแผนสำรองและจัดการได้ดีมาก
ส่วนคุณธีร์ Clementine Find Your Bloom ทำงานได้เพอร์เฟกต์มาก ออกแบบสวย ทำทีเดียว ไม่ต้องแก้อะไรเลย พอถึงวันงานก็เซ็ตทุกอย่างไว แม้กระทั่งฝนตกก็ยังทำ และอยู่สแตนด์บายจนเสร็จพิธี ทีมช่างภาพก็ทำการบ้านมาดีมาก เรียกว่าแฮปปี้ เพราะทุกทีมที่เลือกมาทำงานแบบมือโปร โดยที่เราไม่ต้องเหนื่อยเลยครับ
คำแนะนำบ่าว-สาว
มีสติมาก ๆ : ตอนวางแผนแต่งงาน เราจะเครียดและกดดันมาก ให้มีสติ แล้วคุยกัน ลิสต์งบประมาณทั้งหมด สมมติมีงบ 1 ล้านบาท ควรมีเงินสำรองอีก 300,000 บาท ให้นั่งลิสต์เลยว่าอะไรที่เราจำเป็นต้องใช้ อะไรที่ควรมี อะไรที่ตัดออกได้
เลือกทีมงานที่ยอมรับความแตกต่างทางเพศ : การเลือกทีมงานต่าง ๆ นอกจากควรเลือกทีมที่มืออาชีพและใส่ใจตั้งแต่ครั้งแรกที่คุยกันแล้ว ให้เลือกก่อนเลยว่าเขาเป็นทีมที่ Open กับ LGBTQ+ ไหม เพื่อให้รูปแบบการทำงานสมูธ ไม่อึดอัด
เลือกชุดแต่งงานในแบบที่เป็นตัวเอง : อย่าซีเรียสว่าชุดจะดูเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายเกินไป แค่ใส่ออกมาแล้วถูกใจ ถ้าวันนั้นอยากใส่ชุดกระโปรง หรือรัดรูป ก็แต่งได้เลย เพราะวันแต่งงานคือความสุขของเรา เมื่อเวลาผ่านไป จะได้ไม่เสียดายทีหลังว่าทำไมวันนั้นเราไม่กล้าใส่
เอาชนะความกลัว และทำตามหัวใจ : เชื่อว่ายังมีอีกหลายคู่ที่ใฝ่ฝันว่าอยากจะแต่งงาน ถ้าคนอื่นหรือสังคมไม่แฮปปี้กับเรา เขาคือคนนอกในชีวิต สิ่งที่เราควรให้ความสำคัญ คือความสุขของเราและแฟน ไม่ต้องแคร์คนอื่นว่าจะมองยังไง คิดแค่ว่าเราทำสิ่งนี้แล้วมีความสุขก็พอ